Stroke ภาวะเส้นเลือดสมองตีบ
เส้นเลือดตีบหรือหลอดเลือดอุดตันเป็นภาวะที่อันตรายมาก เพราะทำให้เลือดไม่สามารถไหลผ่านไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้ตามปกติ ส่งผลให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น และถ้าหากเกิดในบริเวณที่สำคัญอย่างสมองหรือหัวใจ อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) หรือโรคหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที

อาการที่อาจบ่งบอกว่าเส้นเลือดตีบ ได้แก่:
- เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกแน่นบริเวณหน้าอก
- อาการอ่อนแรงหรือชา โดยเฉพาะที่แขนขาหรือใบหน้า โดยเกิดเฉพาะข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
- วิงเวียนศีรษะ หรือเสียการทรงตัว
- มองเห็นภาพซ้อน หรือมองเห็นไม่ชัด
- หายใจไม่สะดวก หายใจหอบเหนื่อย
แนวทางวินิจฉัยของแพทย์
การวินิจฉัยเส้นเลือดตีบ แพทย์จะใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อประเมินว่ามีการตีบตันของหลอดเลือดหรือไม่ และรุนแรงเพียงใด ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนและเครื่องมือการตรวจต่อไปนี้:
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย – แพทย์จะสอบถามถึงอาการที่มีอยู่ เช่น เจ็บหน้าอก อ่อนแรง เวียนศีรษะ หายใจลำบาก และสอบถามประวัติสุขภาพส่วนตัวและครอบครัว รวมถึงโรคประจำตัวที่อาจเสี่ยงต่อเส้นเลือดตีบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลสูง
- การตรวจเลือด – เพื่อดูระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาล และสารอื่น ๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะหลอดเลือดตีบตันหรือการอักเสบของหลอดเลือด
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) – ตรวจการทำงานของหัวใจและการเต้นผิดปกติ ซึ่งช่วยบ่งบอกถึงการขาดเลือดหรือเส้นเลือดตีบที่เกี่ยวกับหัวใจ
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ CT Scan และ MRI – ใช้ในการถ่ายภาพของสมองหรือหัวใจ เพื่อให้เห็นการไหลเวียนของเลือดและระบุจุดที่เส้นเลือดตีบ
- การตรวจหลอดเลือดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) – มักใช้ในการตรวจหลอดเลือดที่คอเพื่อดูการไหลเวียนของเลือดและตรวจหาการอุดตัน
- การสวนหัวใจ (Coronary Angiography) – เป็นการฉีดสีเข้าหลอดเลือดเพื่อให้เห็นภาพของเส้นเลือดหัวใจโดยละเอียด ถือเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงในการตรวจการตีบตันของหลอดเลือด
ผลการวินิจฉัยจะช่วยให้แพทย์กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การปรับพฤติกรรม การทำหัตถการ หรือการผ่าตัด
- การป้องกันเส้นเลือดตีบ ควรรักษาสุขภาพโดยการควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การป้องกันไม่ให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบหรืออัมพาตจากการตีบของหลอดเลือดสมอง มีวิธีการดูแลสุขภาพดังนี้:
- ควบคุมความดันโลหิต – ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ควรตรวจวัดความดันเป็นประจำ หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด – โรคเบาหวานทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น ควรรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และควบคุมปริมาณน้ำตาลในอาหาร
- ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล – อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด เนื้อแดง ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยง เพื่อช่วยลดการสะสมไขมันในหลอดเลือด
- เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ – สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดตีบตันได้ง่าย ควรเลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ลดความดันโลหิต และทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
- พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด – ความเครียดทำให้ความดันโลหิตสูง ควรหาเวลาในการพักผ่อนและผ่อนคลาย
- ตรวจสุขภาพประจำปี – เพื่อเช็กระดับความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ จะได้ทราบความเสี่ยงและสามารถป้องกันได้ทัน
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า แขน ขา โดยเฉพาะที่ข้างใดข้างหนึ่ง การมองเห็นผิดปกติ หรือเวียนศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ทันที
![]()
