Stroke ภาวะเส้นเลือดสมองตีบ

เส้นเลือดตีบหรือหลอดเลือดอุดตันเป็นภาวะที่อันตรายมาก เพราะทำให้เลือดไม่สามารถไหลผ่านไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้ตามปกติ ส่งผลให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น และถ้าหากเกิดในบริเวณที่สำคัญอย่างสมองหรือหัวใจ อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Stroke) หรือโรคหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที

อาการที่อาจบ่งบอกว่าเส้นเลือดตีบ ได้แก่:

  1. เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกแน่นบริเวณหน้าอก
  2. อาการอ่อนแรงหรือชา โดยเฉพาะที่แขนขาหรือใบหน้า โดยเกิดเฉพาะข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
  3. วิงเวียนศีรษะ หรือเสียการทรงตัว
  4. มองเห็นภาพซ้อน หรือมองเห็นไม่ชัด
  5. หายใจไม่สะดวก หายใจหอบเหนื่อย

แนวทางวินิจฉัยของแพทย์

การวินิจฉัยเส้นเลือดตีบ แพทย์จะใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อประเมินว่ามีการตีบตันของหลอดเลือดหรือไม่ และรุนแรงเพียงใด ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนและเครื่องมือการตรวจต่อไปนี้:

  1. การซักประวัติและตรวจร่างกาย – แพทย์จะสอบถามถึงอาการที่มีอยู่ เช่น เจ็บหน้าอก อ่อนแรง เวียนศีรษะ หายใจลำบาก และสอบถามประวัติสุขภาพส่วนตัวและครอบครัว รวมถึงโรคประจำตัวที่อาจเสี่ยงต่อเส้นเลือดตีบ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลสูง
  2. การตรวจเลือด – เพื่อดูระดับคอเลสเตอรอล น้ำตาล และสารอื่น ๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะหลอดเลือดตีบตันหรือการอักเสบของหลอดเลือด
  3. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) – ตรวจการทำงานของหัวใจและการเต้นผิดปกติ ซึ่งช่วยบ่งบอกถึงการขาดเลือดหรือเส้นเลือดตีบที่เกี่ยวกับหัวใจ
  4. การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ CT Scan และ MRI – ใช้ในการถ่ายภาพของสมองหรือหัวใจ เพื่อให้เห็นการไหลเวียนของเลือดและระบุจุดที่เส้นเลือดตีบ
  5. การตรวจหลอดเลือดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) – มักใช้ในการตรวจหลอดเลือดที่คอเพื่อดูการไหลเวียนของเลือดและตรวจหาการอุดตัน
  6. การสวนหัวใจ (Coronary Angiography) – เป็นการฉีดสีเข้าหลอดเลือดเพื่อให้เห็นภาพของเส้นเลือดหัวใจโดยละเอียด ถือเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงในการตรวจการตีบตันของหลอดเลือด

ผลการวินิจฉัยจะช่วยให้แพทย์กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การปรับพฤติกรรม การทำหัตถการ หรือการผ่าตัด

  • การป้องกันเส้นเลือดตีบ ควรรักษาสุขภาพโดยการควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

การป้องกันไม่ให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบหรืออัมพาตจากการตีบของหลอดเลือดสมอง มีวิธีการดูแลสุขภาพดังนี้:

  1. ควบคุมความดันโลหิต – ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ควรตรวจวัดความดันเป็นประจำ หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด – โรคเบาหวานทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น ควรรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และควบคุมปริมาณน้ำตาลในอาหาร
  3. ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล – อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด เนื้อแดง ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยง เพื่อช่วยลดการสะสมไขมันในหลอดเลือด
  4. เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ – สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดตีบตันได้ง่าย ควรเลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ลดความดันโลหิต และทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
  6. พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด – ความเครียดทำให้ความดันโลหิตสูง ควรหาเวลาในการพักผ่อนและผ่อนคลาย
  7. ตรวจสุขภาพประจำปี – เพื่อเช็กระดับความดันโลหิต คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ จะได้ทราบความเสี่ยงและสามารถป้องกันได้ทัน

หากมีอาการผิดปกติ เช่น ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า แขน ขา โดยเฉพาะที่ข้างใดข้างหนึ่ง การมองเห็นผิดปกติ หรือเวียนศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ทันที

สอบถามข้อมูลสุขภาพได้ที่นี่ >>>

Loading