ยาฆ่าเชื้อ ไม่ใช่ ยาแก้อักเสบ

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Drug)
เป็นยาฆ่าเชื้อ ใช้รักษาอาการจากการติดเชื้อแบคทีเรียโดย เชื้อโรคทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เมื่อเชื้อโรคตาย ร่างกายจะฟื้นฟูการอักเสบด้วยกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเอง ไม่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ แก้ปวด หรือแก้ไข้ ไม่ได้ทำให้หาย อักเสบโดยตรง


ลักษณะอาการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
เช่น คออักเสบ, ต่อมทอมชิลอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, เหงือกอักเสบ น้ำมูกหรือเสมหะข้น, ฝี,หนอง, ท้องเสีย, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, มดลูกอักเสบ, แผลอักเสบ เป็นต้น

ตัวอย่างยาปฏิชีวนะได้แก่

  • เพนิซิลลิน (Penicillin), แอมพิซิลลิน (Ampicillin),
  • อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin), คล็อกซาซิลลิน (Cloxacillin),
  • ไดคล็อกซาซิลลิน (Dicloxacillin), เซฟฟาเล็กซีน (Cephalexin),
  • อีริโทรมัยชิน (Erythromycin), ร็อกซีโทรมัยซีน (Roxithromycin),
  • เอซิทโทรมัยซิน (Azithromycin), คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin),
  • เตตราชัยคลิน (Tetracycline), ด็อกซีชัยคลิน (Doxycycline),
  • คลินดามัยซิน (Clindamycin), นอร์ฟล็อกซาซิน (Norfloxacin),
  • โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin), ไชโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin),
  • ลีโวฟล็อกซาซิน (Levofloxacin)

“ยาแก้อักเสบ” ไม่ใช่ “ยาฆ่าเชื้อ” และ”ยาฆ่าเชื้อ” ไม่ใช่ “ยาแก้อักเสบ”
ทุกครั้งที่จะซื้อยา ควรแจ้งอาการ หรือสาเหตุของอาการให้ชัด เพื่อให้ได้รับยาที่ถูกต้องเหมาะสม
เมื่อใดที่รู้สึก…ปวด บวม แดง ร้อน นั่นแสดงว่ามีการอักเสบเกิดขึ้น
อาการอักเสบ มี 2 ลักษณะ คือ
1. อาการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ
เมื่อร่างกายเกิดการติดเชื้อจะแสดงอาการอักเสบเช่น ปวด บวม แพทย์จะให้รับประทานยาที่จัดการกับต้นเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ คือยาฆ่าเชื้อ เมื่อเชื้อโรคตายหมดอาการอักเสบก็หายไป จึงทำให้มีการเข้าใจผิดว่า.. “ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic Drug) คือยาแก้อักเสบ
2. อาการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น การบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก จากการยกของหนัก ออกกำลังกาย เมื่อร่างกายรับรู้ว่ามีการเจ็บปวดเกิดขึ้นจะหลั่งสารกระตุ้นความเจ็บปวดทำให้เกิดการอักเสบขึ้น ยาที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ คือ ยาที่จะไปยับยั้งสารกระตุ้นความเจ็บปวดนั้น เรียกยาประเภทนี้ว่าแก้อักเสบ “Anti – inflammatory Drug”

ยาแก้อักเสบ (Anti-inflammatory Dry

ใช้บรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ตัวยาจะออกฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดไข้ บรรเทาปวด ลดอาการบวมแดง ไม่สามารถใช้รักษาอาการอักเสบจากการติดเชื้อได้

ลักษณะอาการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ข้ออักเสบ เอ็นอักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ รวมทั้งอาการอักเสบที่ เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุในการทำงาน หรือเล่นกีฬา อาการปวดประจำเดือน ปวดฟัน เป็นต้น


ตัวอย่าง ยาแก้อักเสบ
ยาแก้อักเสบ กลุ่ม NSAIDS (Non-Steroidal Anti – inflammatory Drug)

  • แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen).
  • ไดโคลฟีแนค โซเดียม (Diclofenac Sodium),
  • ไดโคลฟีแนค โพแทสเซียม (Diclofenac Potassium),
  • ไพร็อกซิแคม (Piroxicam), นาพรอกเซน (Naproxen).
  • เมล็อกซิแคม (Meloxicam), เมเฟนามิก (Mefenamio)

คำแนะนำสำหรับการใช้ ยาปฏิชีวนะ & ยาแก้อักเสบ
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Drug)
1. ใช้ยาปฏิชีวนะให้เหมาะสม และตรงกับอาการ หรือชนิดของโรคที่จะรักษา
2. ใช้ยาปฏิชีวนะให้ครบตามปริมาณ ในขนาดที่เหมาะสม
3. ยาปฏิซีวนะชนิดรับประทาน ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง เมื่อหายสนิทแล้วให้รับประทานต่ออีก 1-2 วันเพื่อป้องกันการดื้อยา
ยาแก้อักเสบ “Anti – inflammatory Drug”
1. ยาแก้อักเสบมักระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร ควรรับประทานยาหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมากๆ
2. ยาแก้อักเสบมักใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น เมื่อหายจากอาการอักเสบ และอาการปวดให้หยุดยาทันที

อ้างอิง : คลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน

Loading